อาสาพาไปหลงในงาน Digital SME Conference Thailand 2022

Pakpoom Poom
2 min readOct 17, 2022

--

ถ้าพูดถึงงานประชุมด้าน Digital ที่ใหญ่ที่สุดในไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา คงปฎิเสธไม่ได้เลยครับ ว่างาน “Digital SME Conference Thailand 2022” คือหนึ่งในนั้น

ก่อนอื่นจะต้องขอแนะนำกันก่อนสักเล็กน้อย สำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้จักงานนี้

Digital SME Conference Thailand คืองานประชุมทางด้าน Digital ที่จัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆปี โดยมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการไทย Transform ตัวเองเข้าสู่การเป็น Digital

งานปีนี้ได้ถูกจัดขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้คอนเซปต์ Scale, Strong, Survive (เติบโต | แข็งแกร่ง | อยู่รอด) ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา รวมถึงนักธุรกิจระดับประเทศ ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จตัวจริง มาร่วมวิเคราะห์เจาะลึก แบ่งปันความรู้ แชร์ประสบการณ์เพื่อการทรานสฟอร์มธุรกิจตลอดทั้งวัน เต็มอิ่มไปกับข้อมูลสำคัญๆ และเทรนด์ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะ Data&MarTech, Business, Marketing , Social Commerce และอื่น ๆ อีกมากมาย ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ 9:00–19:00 น.

Photo by DigitalTips

สำหรับครั้งนี้ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมฟัง Speaker 2 ท่าน ที่มาพูดในหัวข้อ “ กับดักของการทรานส์ฟอร์มธุรกิจที่ผู้ประกอบการต้องรู้ (The traps of digital transformation) ” โดยได้รับเกียรติจากคุณโทมัส, CEO Smart ID Group และคุณปิ๊ก, Business Model Designer ที่ได้มาแบ่งปันความรู้ แชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้

Photo by DigitalTips

เริ่มต้นคุณปิ๊กได้ชวนคุยว่า อะไรคือหัวในสำคัญของการ Transformation ?

หลายท่านอาจคิดว่าการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ(การปรับเปลี่ยนองค์กร) เป็นเรื่องของการทํา hardware และ software เป็นหลัก แต่ลึกๆแล้วหัวใจของ การทรานส์ฟอร์มที่เรามักละเลยอยู่บ่อยครั้งคือ mindware

คน เป็นหัวใจหลักที่ช่วยผลักดันให้ software & hardware ทํางานให้เกิดผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ

ถัดมาคุณโทมัสก็ได้เล่าถึงแนวคิดการทําความเข้าใจในการทรานส์ฟอร์ม เพื่อไม่ให้เราก้าวพลาดในยุคของการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
1. ทรานส์ฟอร์ม hardware, software ต้องอย่าลืม mindware ให้ความสําคัญเรื่องคน ถ้าคนที่ทําไม่เข้าใจในสิ่งที่ต้องทํา hardware และ software จะไม่เกิดประโยชน์จากงบประมาณที่ลงทุนไป

2. ต้นทางของการทรานส์ฟอร์ม ไม่ได้เริ่มจากการปรับระบบ แต่เริ่มที่ผู้นําไปที่คนในทีม แล้วจึงไปที่ระบบ ความพร้อมของคน mindware ต้องการกําลังใจจากผู้นํา ก่อนจะสั่งงานต้องรู้จักคนในทีมก่อนว่าเป็นคนประเภทไหน และรู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเราเอง ก่อนสั่งงาน

3. การทรานส์ฟอร์มไม่ใช่การลงทุนทําเหตุการณ์ใหญ่ๆครั้งเดียวแล้วสําเร็จ แต่เป็นการทําเล็กๆน้อยๆ ต่อเนื่องไปทุกวัน เปรียบเหมือนการซื้อใจคู่ชีวิตที่ต้องทําให้กระบวนการระหว่างทางเกิดการเชื่อใจ ที่จะไปต่อกับคุณ การทําความเข้าใจทีมและทําให้ทีมเข้าใจจึงเป็นสิ่งสําคัญ

4. การทรานส์ฟอร์มเปรียบเสมือนการวิ่งแข่งมาราธอน เป็นเกมยาวไม่ใช่เกมสั้นและไม่มีจุดสิ้นสุด ต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการตลอดเวลา ให้คนเข้าใจมี mindset แล้วมองเห็นภาพเดียวกันที่ว่า การปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องปกติ

Photo by Nicolas Cool on Unsplash

ต่อมาคุณปิ๊กได้แชร์ถึงกับดักและวิธีรับมือที่หลายคนกำลังประสบเจอในการทำ transformation ซึ่งเรียกว่า “ 5 Myths of transformations : กับดักของการเปลี่ยนแปลงองค์กรและวิธีรับมือ

  • Myth 1: ให้คนอื่นเริ่มไปก่อน เรารอให้พร้อมแล้วค่อยเริ่ม
    วิธีรับมือ: เริ่มเท่าที่เริ่มได้เพราะค่าเสียโอกาสมีค่ามหาศาลเกินกว่าจะรอได้
  • Myth 2: เปลี่ยนพร้อมกันทีเดียว ทํางานรอบเดียวไม่เสียเวลา
    วิธีรับมือ: เปลี่ยนส่วนงานที่จําเป็นก่อน เพื่อให้ได้โฟกัสและสร้าง momentum ของความสําเร็จ เป็นการสร้าง small win (ถ้าเริ่มพร้อมกันหมดจะไม่ได้โฟกัสกับงาน และกระทบทุกภาคส่วน)
  • Myth 3: คิดว่ามีระบบแล้ว ทุกอย่างจะจบ
    วิธีรับมือ: การทรานส์ฟอร์มเริ่มต้นที่คน ทั้งวิธีคิดและวิสัยทัศน์
  • Myth 4: ลดต้นทุนเข้าไว้เดี๋ยวกําไรก็มาเอง
    วิธีรับมือ: ลดแค่พอดีอย่าลดจนถึงขั้นกระทบความพึงพอใจของลูกค้า กรณีที่ไม่
    อยากลดต้นทุนจากการลดค่าใช้จ่ายเงินเดือนพนักงาน สิ่งที่ต้องทําคือเพิ่มรายได้ให้บริษัท ซึ่งจําเป็นต้องอธิบายให้คนในองค์กรเข้าใจถึงการโยกย้ายแผนกงานที่อาจเกิดขึ้น
  • Myth 5: ขยายจาก offline เป็น online เรียบร้อย ปังแน่นอน!
    วิธีรับมือ: ขยายช่องทางแล้ว ต้องขายให้เป็นด้วย หัวใจคือต้องใช้ข้อมูลในการทํา
    การตลาดออนไลน์ให้เป็น

สุดท้ายหากเราต้องการวัดผลการทรานส์ฟอร์ม แนะนําใช้การวัดผลแบบ OKR (Objective and Key Results) แทนการใช้KPI (Key Performance Indicator) จะมีความเหมาะสมกว่า เนื่องจากเป็นการทําเพื่อให้เกิดผลในระยะยาว

อย่ากลัวการทรานส์ฟอร์ม จงกลัวที่ตัวเราเองไม่ทรานส์ฟอร์ม

เพราะคู่แข่งไม่เคยอนุญาตให้เราอยู่เฉย

ถ้าเราอยู่เฉยแปลว่าเรายอมรับสภาพ

และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ผมอยากนำมาแบ่งปันให้กับผู้อ่านทุกคน สุดท้ายหวังว่าบทความจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับผู้อ่านทุกคนที่หลงแวะเวียนเข้ามาอ่านถึงตรงนี้

สำหรับครั้งหน้าจะเป็นบทความเรื่องอะไร อย่าลืมติดตาม แล้วพบกันใหม่ครับ /่\

--

--

Pakpoom Poom
Pakpoom Poom

Written by Pakpoom Poom

My journey | Lifelong Learning : Learn – Unlearn – Relearn

No responses yet